ค้นหาบล็อกนี้

name: AK-47 EXT.

Rifle AK-47.jpg

ข้อมูลจำเพาะ
น้ำหนัก     870 มิลลิเมตร (พานท้ายไม้)
                875 มิลลิเมตร (ยืดพานท้าย)
                 645 มิลลิเมตร (พับพานท้าย)
ความยาวลำ     415 มิลลิเมตร
กระสุน          7.62x39 ม.ม.
การทำงาน      ระบบแก๊ส
อัตราการ       600 นัดต่อนาที
ความเร็ว       715 เมตรต่อวินาที
ปาก
กระบอก
ระยะหวัง      300 เมตร (อัตโนมัติสมบูรณ์)
ผล             400 เมตร (กึ่งอัตโนมัติ)
ระบบป้อน     กระสุนบรรจุแม็กกาซีนแบบกล่อง 20-30 นัด หรือ แม็กกาซีนแบบกลม 40-75 นัด
กระสุน
ศูนย์เล็ง        เป้าเหล็กแบบปรับได้ 100-1,000 เมตร รัศมี 378 เมตร

ประวัติ
         ปืนเอเค-47 ได้รับการออกแบบครั้งแรกในปีพ.ศ. 2484 และพัฒนาจนเป็นรูปแบบมาตรฐานในปีพ.ศ. 2490 โดยได้ยึดพื้นฐานมาจากปืนเล็กยาวจู่โจม StG 44 หรือ MP 44 ซึ่งเป็นปืนเล็กยาวจู่โจมที่ใช้ในหน่วยทหาร เอส เอส ของนาซีเยอรมันในแนวรบด้านรัสเซีย ช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ซึ่งถือเป็นปืนเล็กยาวอัตโนมัติที่ทันสมัยที่สุดในขณะนั้นเมื่อเทียบกับชาติอื่นๆ ในช่วงเดียวกัน และตัวเขาเองก็ถูกยิงได้รับบาดเจ็บด้วยปืนชนิดนี้ด้วย ซึ่งเขาก็เห็นว่าไม่ยุติธรรมเลยที่กองทัพนาซีเยอรมันได้ใช้อาวุธปืนอัตโนมัติอันทันสมัยมากมายหลายรุ่น ตั้งแต่ปืนเล็กยาว เมาเซอร์ คาร์ 98 เคิร์ซ (Kar98K) ปืนกลมือเอ็มพี 40 ปืนกลเบาเอ็มจี 34 และปืนกลเบาเอ็มจี 42 รวมทั้งรถถังยานเกราะอีกมากมาย ในขณะที่กองทัพโซเวียตกลับมีเพียงปืนเล็กยาวโมซัง นาเกนท์อันคร่ำครึมาตั้งแต่สมัยสงครามโลกครั้งที่ 1 ปืนไรเฟิลกึ่งอัตโนมัติเอสวีที-40 กับปืนกลมือพีพีเอสซีเอส-41 เท่านั้น ส่วนปืนกลระดับหมู่ก็มีเพียงปืนกลเดกท์ยาร์ยอฟเท่านั้น โดยรถถังยานเกราะกับยุทโธปกรณ์ต่างๆของกองทัพโซเวียตในขณะนั้น ถ้าไม่เป็นของเก่าตกค้างมาจากสงครามโลกครั้งที่แล้วส่วนมากก็อยู่ในสภาพเก่าและไม่พร้อมใช้เนื่องจากขาดแคลนงบประมาณซ่อมแซ

     ต่อมาภายหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 สงบลง กองทัพฝ่ายสัมพันธมิตรต่างได้ยึดอาวุธและเทคโนโลยีทางการทหารของนาซีเยอรมันไปเป็นต้นแบบในการผลิตอาวุธของตนเอง โดยคาลาชนิคอฟเองก็ได้นำรูปทรงและระบบกลไกของปืนเล็กยาวอัตโนมัติ StG 44 และปืนเล็กยาว SVT-40 รวมทั้งกระสุนขนาด 7.62x54 mm. R และ 7.92x33 mm. Kurz มาเป็นต้นแบบในการพัฒนา โดยได้มีการออกแบบและพัฒนาในเรื่องของกระสุนก่อน ซึ่งกระสุนมาตรฐานของกองทัพโซเวียตในขณะนั้นคือกระสุนขนาด 7.62x54 ม.ม.ซึ่งประจำการมาตั้งแต่ปีพ.ศ. 2434 โดยได้พัฒนาออกมาเป็นกระสุนขนาด 7.62x41 ม.ม.และมีการพัฒนาปืนไรเฟิลอัตโนมัติขึ้นมาใช้กับกระสุนขนาดนี้ด้วยคือปืนเอเค-46 ซึ่งยังมีรูปทรงคล้ายกับปืนเอสทีจี 44 อยู่มาก แต่เนื่องจากประสิทธิภาพของปืนและกระสุนไม่ดีเท่าที่ควรนักจึงได้มีการปรับปรุงปืนและกระสุนใหม่อีกครั้ง โดยมีการปรับปรุงกระสุนก่อนจนเป็นกระสุนขนาด 7.62x39 ม.ม.ซึ่งได้นำมาใช้ครั้งแรกกับปืนไรเฟิลกึ่งอัตโนมัติเอสเคเอสหรือปืนเซกาเซ่ซึ่งเป็นที่รู้จักกันเป็นอย่างดีก่อน พร้อมทั้งนำปืนไรเฟิลอัตโนมัติเอเค-46 มาปรับปรุงระบบกลไกและรูปทรงอีกครั้ง โดยได้เอารูปทรงของปืนเอสเคเอสเข้ามาร่วมในการออกแบบด้วยจนออกมาเป็นปืนเอเค-47 ที่มีรูปทรงอย่างที่เห็นในปัจจุบัน




ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น